1. การปรากฏตัวของมะลาอิกะฮฺ
มีรายงานหนึ่งระบุว่า “ขณะที่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำลังนอนพักอยู่ในบ้านของท่านที่เมืองมักกะฮฺ ในสภาพที่เอนกายและง่วงนอนอยู่นั้น ฉับพลัน หลังคาบ้านของท่านก็ถูกเปิดออก และญิบรีลก็เข้ามาในบ้าน และพาท่านนบีมุหัมมัดออกสู่มัสยิดอัลหะรอม” (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 1 หน้า 91, เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 148)
ขณะที่อีกรายงานหนึ่งระบุว่า “ขณะที่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำลังเอนกายอยู่ที่หะญัร (ตำแหน่งที่อยู่ระหว่างหินดำกับมะกอมอิบรอฮีม) ซึ่งถูกขนาบข้างด้วยหัมซะฮฺ บินอัลดุลมุตเฏาะลิบ และญะอฺฟัร บิน อบีฏอลิบ ในสภาพที่ง่วงนอน ก็มีมะลาอิกะฮฺจำนวนหนึ่งเข้ามาหา โดยได้ถือภาชนะทองคำที่บรรจุด้วยหิกมะฮฺและอีมานมาด้วย” (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 4 หน้า 248, เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147)
อิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า หิกมะฮฺ คือ วิชาความรู้ที่ประกอบด้วยการรู้จักอัลลอฮฺ พร้อมกับช่วยสร้างความความตั้งใจที่ลึกซึ้ง เป็นสิ่งที่ช่วยขัดเกลาจิตใจ การทำให้มองเห็นสัจธรรมอย่างชัดเจน เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติ และเพื่อปกป้องตนเองจากการเป็นปฏิปักษ์ต่อสัจธรรม” (ดู ฟัตหุลบารีย์, เล่ม 1 หน้า 461)
2. ผ่าอกท่านนบีมุหัมมัด
จากนั้น มะลาอิกะฮ์ญิบรีลจึงได้ผ่าหน้าอกของท่าน เริ่มจากลำคอไปจนถึงใต้สะดือของท่าน แล้วก็เอาหัวใจของท่านนบีออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำซัมซัมในภาชนะทองคำใบหนึ่งจนสะอาด หลังจากนั้นก็บรรจุฮิกมะฮฺและอีมานลงในอกของท่าน เสร็จแล้วจึงได้เย็บประกบหน้าอกของท่านให้ติดกันเหมือนเดิม (เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147 )
ด้วยเหตุนี้ อนัส บิน มาลิก จึงกล่าวว่า “แท้จริง ฉันเคยเห็นรอยเย็บดังกล่าวที่หน้าอกของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลออุอะลัยฮิวะสัลลัม” (เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147)
อุละมาอ์บางท่านกล่าวว่า “การผ่าอกในครั้งนี้เป็นการผ่าครั้งที่สาม หลังจากที่มีการผ่าครั้งแรกเมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นเด็กอยู่ ต่อมาได้มีการผ่าครั้งที่สองเมื่อครั้งที่ท่านถูกแต่งตั้งให้เป็นรสูล” (ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ, เล่ม 3 หน้า 111, ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 205) วัลลอฮุอะอฺลัม
3. บุรอก
หลังจากนั้น ได้มีการนำสัตว์ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างสีขาวและลำตัวยาวคล้ายกับม้า ลำตัวของมันจะใหญ่กว่าลา แต่จะเล็กกว่าล่อ มีชื่อว่า “บุรอก” เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางอิสรออฺและมิอฺรอจญ์ในครั้งนี้
บุรอกเป็นสัตว์ที่เคยเป็นพาหนะของนบีท่านก่อนๆมาแล้ว (ดู สีเราะฮฺอิบนุฮิชาม, เล่ม 1 หน้า 397, อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ, เล่ม 3 หน้า 109, ฟัตหุลบารีย์, เล่ม 7 หน้า 205) มันสามารถก้าวเท้าแต่ละก้าวได้ไกลจนสุดสายตา (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์ เล่ม 4 หน้า 248, เล่ม 8 หน้า 207, เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147)
บุรอกมาปรากฏตัวในสภาพที่มีพร้อมทั้งอานนั่งและสายบังเหียน ตอนแรกมันแสดงอาการพยศและลำบากในการขับขี่ ดังนั้นญิบรีลจึงกล่าวแก่มันว่า “บุรอกเอ๋ย! ทำไมเจ้าจึงเป็นอย่างนี้? ข้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า แท้จริงยังไม่เคยมีมัคลูกท่านใดขับขี่เจ้าที่จะมีเกียรติในทัศนะของอัลลอฮ์ยิ่งไปกว่าเขาผู้นี้” หลังจากนั้นมันจึงเชื่องลง (มุสนัดอะหมัด, เล่ม 3 หน้า 164, สุนันอัตติรมิซีย์, เลขที่ 5138, เป็นหะดีษหะสัน เฆาะรีบ และอิบนุหิบบานถือว่าเป็นหะดีษที่เศาะหีหฺ)
4. การเดินทางอิสรออฺ (เดินทางกลางคืนสู่มัสยิดอัลอักศอ)
หลังจากท่านนบีมุฮัมมัดขึ้นนั่งบนหลังบุรอกเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เริ่มเดินทางพร้อมกับมะลาอิกะฮฺญิบรีล (อะลัยฮิสลาม) มุ่งสู่บัยติลมักดิส (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 4 หน้า 248, เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองอีเลีย (สีเราะฮฺอิบนุฮิชาม, เล่ม 1 หน้า 396) ประเทศปาเลสไตน์ในปัจจุบัน
การเดินทางกลางคืน (อิสรออฺ) ในครั้งนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ได้หยุดละหมาดในหลายสถานที่ด้วยกัน ดังนี้
1. ที่เมืองยัษริบ หรือฏ็อยยิบะฮ์ (เมืองมะดีนะฮฺในปัจจุบัน)
2. ที่เขาซีนาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่อัลลอฮฺทรงตรัสกับนบีมูสา
3. ที่เมืองมัดยัน ใกล้กับต้นไม้ของท่านนบีมูสา (อะลัยฮิสลาม)
4. ที่บัยติลละห์มิน สถานที่ให้กำเนิดนบีอีซา (อะลัยฮิสลาม) (สุนันอันนะสาอีย์, เล่ม 1 หน้า 222, ดะลาอิล อันนุบูวะฮฺ ของอัลบัยฮะกีย์, เล่ม 2 หน้า 356 ด้วยสายรายงานที่เศาะหีหฺ)
และการเดินทางกลางคืน (อิสรออฺ) ในครั้งนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้พบเห็นเหตุการณ์ต่างๆหลายอย่าง
อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
وَمَا جَعَلْنَا الرُّؤيَا الَّتِي أَرَيْنَاكَ إِلاَّ فِتْنَةً لِّلنَّاسِ
“และเรามิได้ทำให้การมองเห็นภาพต่างๆที่เราได้แสดงแก่เจ้า (ในค่ำคืนมิอฺรอจญ์) นอกจากเพื่อเป็นการทดสอบศรัทธาอย่างหนึ่งสำหรับมวลมนุษย์” (อัลอิสรออฺ :60)
อิบนุ อับบาส กล่าวว่า คำว่า “รุอฺยา” ในที่นี้หมายถึง การมองเห็นสายด้วยสายตาภายนอก ในสภาพที่กำลังตื่นอยู่ต่อภาพต่างๆที่ประกฎต่อหน้าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในค่ำคืนอิสรออฺขณะที่ท่านถูกพาเดินทางไปยังบัยตุลมักดิส (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 4 หน้า 250, มุสนัดอะหมัด, เลขที่ 1916, 3500 ด้วยสายรายงานที่เศาะหีหฺ, เพราะคำว่า “รุอฺยา” สามารถใช้กับความฝันและกับการมองด้วยสายตาปกติขณะที่ตื่นอยู่ (ดู ซาดุลมะสีร, เล่ม 5 หน้า 53))
5. ส่วนหนึ่งของภาพที่ปรากฏให้เห็น
1. นบีมูสา อะลัยฮิสสลามกำลังยืนละหมาดอยู่บนหลุมศพของท่าน (เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 4 หน้า 185)
2. ชนกลุ่มหนึ่งที่กำลังปลูกพืชและเก็บเกี่ยวในวันหนึ่ง ทุกครั้งที่พวกเขาเก็บเกี่ยว สวนและไร่นาของเขาที่ถูกเก็บเกี่ยวแล้วจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกับก่อนที่จะมีการเก็บเกี่ยว ท่านนบีมุหัมมัด จึงถามญิบรีลถึงข้อเท็จจริงของดังกล่าว
ญิบรีลตอบว่า “พวกเขาคือกลุ่มชนที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ พวกเขาจะได้รับผลบุญถึง 700 เท่า” (มุสนัดอัลบซซาร,เลขที่ 55, ตะฮฺซีบุลอาษาร ของอัตเฏาะบะรีย์, เลขที่ 727, ตัฟสีรอัตเฏาะบะรีย์, เล่ม 15 หน้า 6, 15)
3. ชนกลุ่มหนึ่งกำลังใช้ศีรษะตัวเองทุบลงบนก้อนหินใหญ่ ทุกครั้งที่พวกเขาใช้ศีรษะทุบลงบนก้อนหิน ศีรษะของพวกเขาจะแตกกระจาย แต่แล้วก็จะถูกทำให้กลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนเดิม แล้วพวกเขาก็จะใช้หัวของพวกเขาทุบลงบนก้อนหินอีกอย่างไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงถามญิบรีลว่า “โอ้ ท่านญิบรีล พวกเขาเหล่านี้เป็นใครหรือ?”
ญิบรีลตอบว่า “พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่หนักศีรษะที่จะก้มกราบต่ออัลลอฮฺ (ละหมาด)” (ดะลาอิล อันนุบุวะฮฺ ของอัลบัยฮะกีย์, เล่ม 2 หน้า 398)
ยังมีภาพต่างๆอีกมากมายตามที่มีระบุในหะดีษที่บันทึกโดยอัตเฏาะบะรอนีย์ อัลบัยฮะกีย์ อัลบัซซารฺ และอื่นๆ แต่ส่วนมากเป็นหะดีษที่เฎาะอีฟ (อ่อน) (มัจญ์มะอฺ อัซซะวาอิด, เล่ม 1 หน้า 65-73, ดะลาอิล อันนุบุวะฮฺ, เล่ม 2 หน้า 398)
6. บัยตุลมักดิส
ในที่สุดนบีและญิบรีลก็เดินทางไปถึงบัยตุลมักดิส (เมืองอีเลีย ประเทศปาเลสไตน์) ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงผูกบุรอกไว้ที่เสา (ประตูของมัสยิดอัลอักศอ) ซึ่งในอดีต บรรดาท่านนบีคนก่อนๆก็เคยผูกมันไว้กับเสาต้นนี้เช่นกัน (เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 145)
เสร็จแล้ว นบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เดินเข้าไปในมัสยิดอัลอักศอ และท่านได้ละหมาดสุนัตสองร็อกอัต (ด้วยการเป็นอิมามนำละหมาดแก่บรรดานบีก่อนหน้าท่าน) หลังจากนั้นท่านนบีก็เดินออกมาจากมัสยิดในสภาพที่กระหายอย่างมาก ดังนั้นญิบรีล (อะลัยฮิสสลาม) จึงนำภาชนะสองใบมาเสนอแก่ท่านนบี ใบหนึ่งบรรจุสุรา และอีกใบหนึ่งบรรจุนมสด ท่านนบีมองดูทั้งสอง แล้วท่านก็เลือกเอาภาชนะที่บรรจุนมสด ญิบรีล อะลัยฮิสสลามจึงกล่าวแก่ท่านว่า “มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แห่งอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงประทานทางนำ (ฮิดายะฮฺ) แก่ท่าน จนท่านเลือกเอาสิ่งที่เป็นฟิฏเราะฮฺ (ธรรมชาติบริสุทธิ์ หมายถึง อิสลามและความเที่ยงธรรม (เศาะหีหฺมุสิลม, เล่ม 1 หน้า 145)) หากแม้นว่าท่านเลือกเอาสุรา ประชาชาติของท่านย่อมต้องหลงทางอย่างแน่นอน” (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 6 หน้า 240, 241)
ขอขอบคุณ อิกเราะอฺออนไลน์
ติดตามเพจคุณครูตาดีกา กดคลิ๊ก


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น